รักษารากฟัน

รักษารากฟัน (Root Canal Treatment): ทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ


รักษารากฟันคืออะไร?

การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment หรือ Endodontic Treatment) เป็นวิธีการรักษาฟันที่ได้รับความเสียหายหรือมีการติดเชื้อที่โพรงประสาทฟัน เพื่อช่วยรักษาฟันแท้ให้สามารถใช้งานได้ต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องถอนออก


โพรงประสาทฟันคืออะไร?

โพรงประสาทฟัน (Dental Pulp) เป็นเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ภายในฟัน ประกอบด้วยเส้นประสาท หลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำหน้าที่ให้ความรู้สึกและหล่อเลี้ยงฟัน เมื่อติดเชื้อหรืออักเสบ อาจทำให้เกิดอาการปวดฟันรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษารากฟัน


สาเหตุของการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน

การติดเชื้อในโพรงประสาทฟันมักเกิดจาก:

  1. ฟันผุรุนแรง – การปล่อยให้ฟันผุจนลึกถึงโพรงประสาททำให้แบคทีเรียเข้าไปติดเชื้อได้
  2. ฟันแตกหรือร้าว – ฟันที่แตกร้าวอาจเปิดทางให้เชื้อโรคเข้าสู่โพรงประสาทฟัน
  3. การบาดเจ็บที่ฟัน – ฟันที่ถูกกระแทกอาจทำให้โพรงประสาทเสียหายและติดเชื้อได้
  4. การอุดฟันหรือฟันผุซ้ำๆ – ฟันผุที่ผ่านการรักษาหลายครั้งอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อ
  5. โรคเหงือกอักเสบขั้นรุนแรง – การติดเชื้อจากเหงือกอักเสบอาจลุกลามเข้าสู่รากฟันได้


ถ้าไม่ปวดฟัน เพราะอะไรถึงต้องรักษารากฟัน?

แม้ว่าจะไม่มีอาการปวดฟัน แต่ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องรักษารากฟันเพื่อป้องกันปัญหาร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น:

  1. ฟันผุถึงโพรงประสาทแต่ยังไม่แสดงอาการปวด – แบคทีเรียอาจเริ่มทำลายเนื้อเยื่อประสาทฟันโดยที่ยังไม่รู้สึกเจ็บ
  2. การติดเชื้อเรื้อรังที่ยังไม่แสดงอาการ – บางครั้งการอักเสบอาจลุกลามไปที่รากฟันโดยไม่มีอาการปวด แต่สามารถตรวจพบได้จากเอกซเรย์
  3. ฟันที่ผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง – แม้ว่าจะไม่มีอาการปวดในทันที แต่เส้นประสาทภายในฟันอาจเสียหายและนำไปสู่ปัญหาภายหลัง
  4. เพื่อเตรียมฟันสำหรับการบูรณะ – ในกรณีที่ต้องทำครอบฟันหรือสะพานฟัน ทันตแพทย์อาจต้องรักษารากฟันก่อนเพื่อให้ฟันแข็งแรงพอสำหรับการบูรณะ




อาการแบบไหนต้องรักษารากฟัน?

หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษารากฟัน:

  • ปวดฟันรุนแรง โดยเฉพาะเวลากัดหรือเคี้ยว
  • ฟันมีอาการเสียวมากผิดปกติ
  • ฟันผุจนถึงโพรงประสาท
  • ฟันแตกหรือร้าวจนถึงรากฟัน
  • เหงือกบวม มีหนอง หรือเป็นฝี

🔎 ทำไมต้องรักษารากฟัน?

การรักษารากฟันเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการฟันผุรุนแรง ฟันแตกร้าว หรือฟันได้รับบาดเจ็บ จนทำให้เนื้อเยื่อประสาทฟัน (Pulp) ถูกทำลายและเกิดการติดเชื้อ หากไม่รักษา อาจทำให้เกิดอาการปวดฟันรุนแรง และลุกลามไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ

สาเหตุหลักที่ต้องรักษารากฟัน ได้แก่:

✔️ ฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาท

✔️ ฟันได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง

✔️ ฟันแตกร้าวจนถึงโพรงประสาท

✔️ การอักเสบหรือติดเชื้อในรากฟัน

หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการอาจรุนแรงขึ้นจนเกิด หนองที่ปลายรากฟัน หรือส่งผลให้ต้องถอนฟันในที่สุด



รักษารากฟันเจ็บไหม?

การรักษารากฟันมักจะมีการฉีดยาชาก่อนทำหัตถการ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการรักษา อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการเสียวหรือปวดเล็กน้อยหลังจากการรักษา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด


รักษารากฟันกี่วันถึงจะหายปวด?

โดยทั่วไป อาการปวดหลังการรักษารากฟันมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หลังทำหัตถการ หากมีอาการปวดมากขึ้นหรือปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติม ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการหายปวด ได้แก่:

  1. ความรุนแรงของการติดเชื้อก่อนรักษา – หากการติดเชื้อรุนแรง อาจใช้เวลาหลายวันหรือเป็นสัปดาห์กว่าจะหายปวด
  2. การตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา – ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอักเสบน้อยกว่า ทำให้หายปวดเร็วขึ้น
  3. การดูแลหลังการรักษา – หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ใช้ยาแก้ปวดตามคำแนะนำ และดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี
  4. การติดเชื้อซ้ำ – หากมีการติดเชื้อหลงเหลือ อาจทำให้มีอาการปวดต่อเนื่องและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม

ถ้าไม่รักษารากฟัน ควรทำอย่างไร?

หากคุณเลือกที่จะไม่รักษารากฟัน อาจมีทางเลือกอื่นขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและสุขภาพช่องปากโดยรวม:

  1. ถอนฟัน – หากฟันเสียหายรุนแรงเกินกว่าที่จะรักษา การถอนฟันอาจเป็นทางเลือกเดียว
  2. ใส่ฟันปลอม – หลังถอนฟัน อาจต้องใส่ฟันปลอมแบบถอดได้เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหาร
  3. สะพานฟัน – ใช้ฟันข้างเคียงเป็นฐานเพื่อทดแทนฟันที่ถูกถอนไป
  4. รากฟันเทียม (Implant) – การฝังรากฟันเทียมเป็นตัวเลือกที่แข็งแรงและคงทนที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษารากฟัน
  5. ปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร – หากเลือกที่จะไม่รักษาหรือไม่ถอนฟันที่ติดเชื้อ อาจทำให้เกิดการลุกลามของการติดเชื้อ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและร่างกาย

รักษารากฟันต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ก่อนเข้ารับการรักษารากฟัน ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน:

  1. ปรึกษาทันตแพทย์ – ตรวจสุขภาพช่องปากและเอกซเรย์ฟันเพื่อประเมินความเสียหาย
  2. แจ้งข้อมูลสุขภาพ – หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือกำลังใช้ยาประจำ ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ
  3. งดอาหารก่อนทำหัตถการ (กรณีจำเป็น) – หากต้องใช้ยาดมสลบ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้งดอาหารก่อนทำหัตถการ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ – เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  5. เตรียมยาแก้ปวด – หลังการรักษาอาจมีอาการปวดหรือเสียวฟันเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด
  6. จัดตารางเวลาหยุดพัก – ควรเผื่อเวลาให้ร่างกายได้พักฟื้นหลังจากการรักษา

🏥 กระบวนการรักษารากฟัน

การรักษารากฟันเป็นหัตถการที่ต้องทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรักษารากฟัน (Endodontist) โดยกระบวนการรักษามีหลายขั้นตอน

1️⃣ การวินิจฉัยและเตรียมตัว

  • ทันตแพทย์จะตรวจฟันและถ่ายเอกซเรย์เพื่อดูความเสียหายของรากฟัน
  • อาจทำการทดสอบอุณหภูมิหรือการกดเพื่อตรวจสอบอาการปวด
  • ทดสอบความมีชีวิตของฟัน ด้วยเครื่องวัดความมีชีวิตของฟัน (EPT : Element pulp test)
  • ฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขณะทำการรักษา

2️⃣ การเปิดโพรงฟันและนำเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก

  • ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือเปิดโพรงฟันเพื่อนำโพรงประสาทฟันที่ติดเชื้อออก
  • ทำความสะอาดคลองรากฟันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

3️⃣ การอุดคลองรากฟัน

  • หลังจากทำความสะอาดและกำจัดเชื้อจนหมด ทันตแพทย์จะอุดคลองรากฟันด้วยวัสดุเฉพาะ เช่น Gutta-Percha
  • บางกรณีอาจต้องนัดมาตรวจซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าการติดเชื้อหายสนิทก่อนอุดฟันถาวร

4️⃣ การบูรณะฟัน

  • ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมักต้องได้รับการครอบฟัน (Crown) เพื่อป้องกันการแตกหักและเพิ่มความแข็งแรง


⏳ ระยะเวลาการรักษา:

  • อาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเคส และปริมาณการติดเชื้อ



💰 ค่ารักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่?

ค่ารักษารากฟันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันและคลินิกที่ให้บริการ โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายดังนี้

💡 หมายเหตุ: ราคานี้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เลือกใช้บริการ



⚖️ ข้อดีและข้อเสียของการรักษารากฟัน


ข้อดี

✔️ รักษาฟันแท้ไว้ได้ ไม่ต้องถอน

✔️ บรรเทาอาการปวดฟัน

✔️ ป้องกันการลุกลามของการติดเชื้อ

✔️ ทำให้สามารถใช้งานฟันได้ตามปกติ


ข้อเสีย

❌ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการถอนฟัน

❌ ต้องใช้เวลาหลายครั้งในการรักษา

❌ ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันอาจเปราะบางและต้องทำครอบฟัน


🦷 การดูแลฟันหลังรักษา รากฟัน

หลังจากรักษารากฟันแล้ว ควรดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดีเพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาฟันในอนาคต

✅ หลีกเลี่ยงการใช้ฟันที่รักษาใหม่ในการกัดอาหารแข็งหรือเหนียวที่อาจทำให้ฟันแตกร้าว

✅ แปรงฟันให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือแปรงทุกครั้งหลังทานอาหาร และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

✅ หลีกเลี่ยงอาหารร้อนหรือเย็นจัดในช่วงแรก

✅ พบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและขูดหินปูนทุก 6 เดือน



หลังรักษารากฟัน มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

แม้ว่าการรักษารากฟันจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีอัตราความสำเร็จสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น:

  1. อาการปวดและเสียวฟัน – อาจเกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันแรกหลังการรักษา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด
  2. อาการบวมของเหงือกหรือใบหน้า – ในบางกรณีอาจมีการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบรากฟัน ทำให้เกิดอาการบวมเล็กน้อย และอาการบวมจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
  3. การติดเชื้อซ้ำ – หากคลองรากฟันไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างทั่วถึง หรือเกิดฟันผุถึงโพรงประสาทที่เคยรักษารากฟันแล้ว อาจเกิดการติดเชื้อใหม่ได้
  4. ฟันเปราะหรือแตกง่ายขึ้น – ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมักจะสูญเสียความแข็งแรงและมีโอกาสแตกหักได้ง่าย หากไม่ได้รับการครอบฟันป้องกัน
  5. อาการแพ้หรือระคายเคืองต่อวัสดุอุดคลองรากฟัน – ในกรณีที่พบได้น้อยมาก ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้วัสดุที่ใช้ในการอุดฟัน
  6. อาการปวดเรื้อรัง – หากยังมีอาการปวดหลังจากการรักษาผ่านไปนาน อาจเกิดจากปัญหาอื่น เช่น รากฟันที่ยังอักเสบ หรือฟันร้าวที่ตรวจไม่พบในตอนแรก

ฟันที่รักษารากฟันแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟันที่รักษารากฟันแล้วสามารถอยู่ได้นานหลายปีหากได้รับการดูแลที่ดี โดยปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของฟัน ได้แก่:

  1. การทำครอบฟัน – ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมักเปราะบางและมีโอกาสแตกหักได้ง่าย การทำครอบฟันจะช่วยป้องกันปัญหานี้และยืดอายุการใช้งานของฟัน
  2. การดูแลสุขภาพช่องปาก – การแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์เป็นประจำมีส่วนสำคัญในการป้องกันปัญหาฟันและช่วยให้ฟันที่รักษารากฟันอยู่ได้นานขึ้น
  3. การเคี้ยวอาหารอย่างระมัดระวัง – หลีกเลี่ยงการกัดของแข็งหรืออาหารเหนียวที่อาจทำให้ฟันแตกหัก
  4. สุขภาพของรากฟันและเหงือก – หากมีโรคเหงือกหรือปัญหาเกี่ยวกับรากฟัน อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของฟันที่ได้รับการรักษา
  5. การรักษาติดตามผล – ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คฟันที่รักษารากฟันเป็นระยะ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

โดยทั่วไป ฟันที่รักษารากฟันและได้รับการดูแลอย่างดีสามารถอยู่ได้นาน 10-20 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างต้น


❓ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษารากฟัน


การรักษารากฟันเจ็บไหม?

💬 ไม่มากนัก เนื่องจากมีการฉีดยาชาช่วยระงับความเจ็บปวด


ฟันที่รักษารากฟันแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

💬 หากดูแลดี สามารถอยู่ได้นานหลายสิบปี หรือเทียบเท่าฟันธรรมชาติ


จำเป็นต้องทำครอบฟันหลังรักษารากฟันหรือไม่?

💬 แนะนำให้ทำครอบฟัน โดยเฉพาะฟันกรามที่ต้องรับแรงบดเคี้ยว


รักษารากฟันใช้เวลากี่ครั้ง?

💬 ปกติใช้เวลา 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน



การรักษารากฟันแบบต่างๆ


  • การรักษารากฟันมาตรฐาน
  • การรักษารากฟันซ้ำ (Re-treatment)
  • การผ่าตัดปลายรากฟัน (Apicoectomy)


การรักษารากฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทาง

  • ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรักษารากฟัน (Endodontist) มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะซับซ้อน เช่น ฟันที่มีคลองรากซับซ้อนหรือการติดเชื้อเรื้อรัง


การรักษารากฟันในเด็ก

  • เด็กอาจต้องรักษารากฟันหากมีฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาท โดยเฉพาะฟันน้ำนมที่ต้องเก็บรักษาไว้จนกว่าฟันแท้จะขึ้น


การรักษารากฟันกับโรคประจำตัว

  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบเพื่อพิจารณาการรักษา


การรักษารากฟันกับยาที่รับประทานประจำ

  • บางยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนก่อนทำการรักษา


การป้องกันปัญหาที่ต้องรักษารากฟัน

  • หลีกเลี่ยงการกินของหวานมากเกินไป
  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี
  • ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ


การรักษารากฟันฉุกเฉิน

  • หากมีอาการปวดฟันรุนแรงหรือฟันแตกจากอุบัติเหตุ ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษา


รากฟันอักเสบมีอาการยังไง?

  • ปวดฟันต่อเนื่อง
  • ฟันไวต่อความร้อนหรือเย็น
  • เหงือกบวม มีหนอง หรือเป็นฝี


ฟันผุต้องรักษารากฟันมั้ย?

  • ถ้าฟันผุยังไม่ลึกถึงโพรงประสาท อาจสามารถอุดฟันได้ แต่หากผุลึกมากจนเกิดอาการปวด อาจต้องรักษารากฟัน

🔚 สรุป

การรักษารากฟันเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถรักษาฟันแท้ไว้ได้ โดยไม่ต้องถอนออก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็ช่วยให้ฟันสามารถใช้งานได้ตามปกติและป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้นในอนาคต

หากคุณมีอาการปวดฟันอย่างรุนแรงหรือสงสัยว่าฟันอาจต้องรักษารากฟัน ควรรีบพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด 💙


ราคารักษารากฟันที่คลินิกบ้านฟันสวย เชียงใหม่


รักษารากฟันหน้า ซี่ละ 4,500 บาท

รักษารากฟันกรามน้อย ซี่ละ 6,000 บาท

รักษารากฟันกรามใหญ่ ซี่ละ 8,000 บาท


☎️โทร : 063-3436156

💬แชท : m.me/Banfunsuayclinic

🌎เวปไซต์ : https://banfunsuay.com/

📷 Instagram : https://www.instagram.com/ban_fun_suay/

เปิดวันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่ 10.00-19.30 น. (หยุดทุกวันเสาร์)

📍แผนที่ : https://g.page/Banfunsuay


หมายเหตุ :

อัตราค่ารักษาอื่น ๆ ท่านสามารถโทรสอบถามได้จากทางคลินิก

อัตราค่ารักษาดังกล่าวเป็นการประเมินในเบื้องต้น 

ค่าใช้จ่ายจริงทันตแพทย์จะเป็นผู้แจ้งให้ท่านทราบหลังจากทำการตรวจ ปรึกษาและวางแผนรักษาแล้ว

ราคานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

รีวิว

ติดต่อเรา

คลินิกบ้านฟันสวย

เชียงใหม่

เบอร์โทร

063-343-6156

ที่อยู่

46/4 ถนนท้ายวัง ช้างม่อย เมือง เชียงใหม่ 50300

เวลาทำการ

10:00 - 19:30 (ทุกวัน)