การจัดฟันโลหะคืออะไร? ข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้

การจัดฟันโลหะ (Metal Braces) คืออะไร?

การจัดฟันโลหะ (Metal Braces) เป็นวิธีการจัดฟันที่ใช้ เครื่องมือจัดฟันที่ทำจากโลหะสแตนเลสติดอยู่บนผิวฟัน และใช้ ลวดจัดฟัน เชื่อมโยงกันผ่านแบร็กเก็ต โดยจะใช้แรงดึงเพื่อค่อยๆ ปรับตำแหน่งของฟันให้เข้าที่เหมาะสม

การจัดฟันโลหะเป็น ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีราคาถูกกว่าประเภทอื่น และสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น การสบฟันผิดปกติ เป็นต้น

ข้อดีของการจัดฟันโลหะ

✅ มีประสิทธิภาพสูง

สามารถแก้ไขปัญหาฟันที่ซ้อนเกมาก ฟันยื่น ฟันล้ม และปัญหาการสบฟันได้อย่างดี
ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่าการจัดฟันบางประเภท

✅ ราคาถูกกว่าการจัดฟันประเภทอื่น

การจัดฟันโลหะมีราคาถูกกว่าการจัดฟันแบบใส (Invisalign) หรือแบบดามอน (Damon)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน

✅ ทนทาน ไม่แตกหักง่าย

เครื่องมือทำจากโลหะที่มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกดและแรงเคี้ยว
ไม่เปราะแตกง่ายเหมือนแบร็กเก็ตเซรามิก

✅ เลือกสีของยางจัดฟันได้

สามารถเลือกสีของยางจัดฟันได้ตามใจชอบ เพิ่มความสนุกสนาน
สามารถเปลี่ยนสีได้ทุกครั้งที่พบทันตแพทย์

✅ เหมาะสำหรับทุกช่วงอายุ

สามารถจัดฟันโลหะได้ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่

ข้อเสียของการจัดฟันโลหะ

❌ เห็นเครื่องมือจัดฟันชัดเจน

เนื่องจากแบร็กเก็ตทำจากโลหะ อาจทำให้รอยยิ้มดูไม่เป็นธรรมชาติ

❌ อาจรู้สึกไม่สบายในช่วงแรก

ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการปวดหรือรู้สึกตึงที่ฟัน
แบร็กเก็ตอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ริมฝีปากและกระพุ้งแก้ม

❌ ต้องมาพบทันตแพทย์เป็นประจำ

ต้องเข้าพบทันตแพทย์ทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อตรวจเช็กและปรับลวดจัดฟัน

❌ ต้องดูแลทำความสะอาดอย่างดี

อาหารอาจติดอยู่ในเครื่องมือจัดฟัน ทำให้เกิดคราบพลัคและฟันผุได้ง่าย
ต้องใช้ไหมขัดฟัน แปรงซอกฟัน และแปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน

❌ ห้ามกินอาหารแข็งและเหนียว

เช่น น้ำแข็ง ลูกอม ถั่ว ข้าวเหนียว อาหารที่ต้องกัดแรงๆ เพราะอาจทำให้แบร็กเก็ตหลุดได้

ขั้นตอนการจัดฟันโลหะที่คลินิกบ้านฟันสวย เชียงใหม่ : เตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

การจัดฟันโลหะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและการเตรียมตัวที่เหมาะสม เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ มาดูกันว่าควรเตรียมตัวอย่างไรและมีขั้นตอนอะไรบ้าง

🔹 การเตรียมตัวก่อนจัดฟัน 🔹

✅ ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี

✅ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันและค่าใช้จ่าย

✅ เตรียมตัวเรื่องอาหาร เพราะช่วงแรกอาจเคี้ยวลำบาก

✅ สอบถามคิวนัดกับทางคลินิกบ้านฟันสวย เชียงใหม่ได้เลย

🔹 ขั้นตอนการจัดฟันโลหะ 🔹

1. ปรึกษาทันตแพทย์และวางแผนการรักษา

✅ ตรวจสุขภาพช่องปาก

ทันตแพทย์จะตรวจดูสภาพฟัน ขากรรไกร และสุขภาพช่องปากโดยรวม
หากมีปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือหินปูน ต้องทำการรักษาก่อน

✅ เอกซเรย์ฟันและพิมพ์ฟัน

เอกซเรย์ฟันเพื่อดูแนวฟันและขากรรไกร
พิมพ์ฟันเพื่อวางแผนการรักษาและติดตามความเปลี่ยนแปลงของฟัน
ถ่ายรูปฟันและใบหน้าเพื่อบันทึกข้อมูลใช้ในการวางแผนจัดฟัน

✅ พูดคุยเกี่ยวกับแผนการรักษา

ทันตแพทย์จะอธิบายระยะเวลาโดยประมาณ ค่าใช้จ่าย และประเภทของเครื่องมือจัดฟัน

2. เตรียมช่องปากให้พร้อมก่อนติดเครื่องมือจัดฟัน

✅ ถอนฟัน (ถ้าจำเป็น)

หากมีฟันซ้อนเกหรือมีพื้นที่ในช่องปากไม่เพียงพอ อาจต้องถอนฟันออก 1-4 ซี่

✅ ขูดหินปูนและอุดฟัน

ควรทำความสะอาดช่องปากให้เรียบร้อยก่อนเริ่มจัดฟัน
อุดฟันที่ผุเพื่อป้องกันปัญหาในระหว่างจัดฟัน

✅ ตรวจสุขภาพเหงือก

หากมีอาการเหงือกอักเสบ ควรรักษาให้หายก่อนจัดฟัน

🔹 ค่าใช้จ่ายเคลียร์ช่องปากก่อนเริ่มจัดฟัน:

อุดฟัน ถอนฟัน (ราคาอยู่ในช่วง 500-1,000 บาทต่อซี่)

ขูดหินปูน (ราคาอยู่ในช่วง 500-1,000 บาทต่อครั้ง)

ถอนฟันคุด (ราคาอยุ่ในช่วง 1,000-2,000 บาทต่อซี่)

ผ่าฟันคุด (ราคาอยู่ในช่วง 2,000-3,500 บาทต่อซี่)

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยากง่ายของเคส คุณหมอผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมิน

3. ติดเครื่องมือจัดฟันโลหะ

✅ การติดแบร็กเก็ต

ทันตแพทย์จะใช้กาวพิเศษติด แบร็กเก็ตโลหะ ลงบนฟันแต่ละซี่
ใช้ลวดจัดฟันร้อยผ่านแบร็กเก็ตและรัดด้วยยางจัดฟัน

✅ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง

อาจรู้สึกไม่ค่อยสบายปากในช่วงแรก แต่จะปรับตัวได้ในไม่กี่วัน

✅ เลือกสีของยางจัดฟัน

สามารถเลือกสีที่ชอบได้ และเปลี่ยนสีใหม่ได้ทุกครั้งที่พบทันตแพทย์

4. การดูแลหลังติดเครื่องมือจัดฟัน

✅ ช่วงแรกอาจมีอาการปวดหรือรู้สึกตึง

อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน
สามารถใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หากมีอาการปวดมาก

✅ ระวังเรื่องอาหารการกิน

หลีกเลี่ยงอาหารแข็งและเหนียว เช่น น้ำแข็ง ลูกอม ข้าวเหนียว เพราะอาจทำให้เครื่องมือหลุดได้
ควรหั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้เคี้ยวง่ายขึ้น

✅ ดูแลความสะอาดช่องปากเป็นพิเศษ

แปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง
ใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันสำหรับคนจัดฟัน

5. การปรับลวดและตรวจเช็กเป็นระยะ

✅ พบทันตแพทย์ทุก 4-6 สัปดาห์

ทันตแพทย์จะเปลี่ยนลวด จัดแนวฟัน และเปลี่ยนยางจัดฟัน
ควรไปตามนัดทุกครั้งเพื่อให้การจัดฟันเป็นไปตามแผน

✅ ระยะเวลาในการจัดฟัน

โดยเฉลี่ยจะใช้เวลา 1.5 - 3 ปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของฟัน

6. ถอดเครื่องมือและใส่รีเทนเนอร์

✅ เมื่อฟันเข้าที่แล้ว

ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือออก และทำความสะอาดฟันให้เรียบร้อย

✅ ใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟัน

รีเทนเนอร์ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปที่เดิม
ควรใส่ตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

การดูแลช่องปากระหว่างจัดฟันโลหะ: เคล็ดลับจากทันตแพทย์ คลินิกบ้านฟันสวย เชียงใหม่

การจัดฟันโลหะช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยงามและมีสุขภาพฟันที่ดีขึ้น แต่ในระหว่างจัดฟันนั้น ช่องปากมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพฟันมากขึ้น เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันสามารถดักจับเศษอาหารและคราบพลัคได้ง่าย ดังนั้น การดูแลฟันและช่องปากอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก

🦷 เคล็ดลับการดูแลช่องปากระหว่างจัดฟันโลหะ

1. แปรงฟันอย่างถูกวิธี

✅ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง (หลังมื้ออาหารทุกมื้อ)

✅ ใช้ แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน ซึ่งมีขนแปรงแบบพิเศษที่ช่วยทำความสะอาดซอกฟันและรอบๆ เครื่องมือจัดฟัน

✅ แปรงให้ถูกวิธี โดยถือแปรงทำมุม 45 องศา แล้วแปรงบริเวณรอบๆ แบร็กเก็ต และใต้ลวดจัดฟัน

✅ ใช้ แปรงซอกฟัน (Interdental Brush) หรือแปรงขนาดเล็ก เพื่อทำความสะอาดระหว่างเครื่องมือจัดฟัน

2. ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

✅ ไหมขัดฟันช่วยขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันและใต้ลวดจัดฟัน

✅ ใช้ ไหมขัดฟันแบบพิเศษ (Super Floss) หรือ ไหมขัดฟันที่มีปลายแข็ง เพื่อให้สามารถสอดผ่านระหว่างฟันได้ง่าย

✅ ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งก่อนนอน

3. บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก

✅ เลือก น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ

✅ บ้วนปากหลังจากแปรงฟันทุกครั้ง เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขจัดคราบพลัค

4. หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นปัญหาระหว่างจัดฟัน

❌ อาหารแข็ง เช่น น้ำแข็ง ถั่ว อาหารที่ต้องกัดแรงๆ (มะม่วง แคบหมู แอปเปิล แครอท) อาจทำให้แบร็กเก็ตหลุดได้

❌ อาหารเหนียว เช่น หมากฝรั่ง คาราเมล ขนมเหนียวๆ อาจติดอยู่ในเครื่องมือจัดฟันและทำความสะอาดยาก

❌ อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะอาจทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย

✅ เคล็ดลับ: หากต้องกินผลไม้ที่แข็ง เช่น แอปเปิล มะม่วง ควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนรับประทาน

5. พบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ

✅ ต้อง พบทันตแพทย์ทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อตรวจเช็กและปรับเครื่องมือจัดฟัน

✅ หากแบร็กเก็ตหรือเครื่องมือหลุด ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อแก้ไข

6. ระวังปัญหากลิ่นปากและแผลในช่องปาก

✅ เครื่องมือจัดฟันสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองที่กระพุ้งแก้มหรือริมฝีปาก ควรใช้ ขี้ผึ้งสำหรับคนจัดฟัน เพื่อป้องกันแผล

✅ กลิ่นปากอาจเกิดจากเศษอาหารที่ติดอยู่ในเครื่องมือจัดฟัน ควรบ้วนปากและแปรงฟันเป็นประจำ

7. ดูแลสุขภาพเหงือกและป้องกันฟันผุ

✅ อย่าละเลยการใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปาก

✅ หากเหงือกอักเสบหรือมีเลือดออก ควรแปรงฟันให้เบาลงแต่ยังคงรักษาความสะอาดให้ดี

✅ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกรด เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้เปรี้ยวๆ เพราะอาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้

ระยะเวลาการจัดฟันโลหะ: ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?

การจัดฟันโลหะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องค่อยๆ ปรับตำแหน่งของฟันให้เรียงตัวสวยงามและมีการสบฟันที่เหมาะสม ระยะเวลาการจัดฟันอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพฟันของแต่ละบุคคล และวินัยในการดูแลรักษา

📌 ระยะเวลาการจัดฟันโลหะโดยเฉลี่ย

📆 1.5 - 3 ปี ⏳

โดยทั่วไปแล้ว การจัดฟันโลหะมักใช้เวลา 18 - 36 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของฟัน

🔹 ระยะเวลาขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละคน

🦷 ฟันซ้อนเกเล็กน้อย: 6 เดือน - 1.5 ปี

🦷 ฟันซ้อนเกปานกลาง: 1.5 - 2 ปี

🦷 ฟันซ้อนเกมาก หรือขากรรไกรผิดปกติ: 2 - 3 ปี หรือมากกว่า

หมายเหตุ: ในบางกรณีที่มีการสบฟันผิดปกติรุนแรงหรือจำเป็นต้องถอนฟันหลายซี่ อาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ

📌 ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการจัดฟัน

1. ความรุนแรงของปัญหาฟัน

หากฟันเพียงแค่เรียงตัวไม่สวยเล็กน้อย อาจใช้เวลาเพียง 1-2 ปี
หากมีฟันซ้อนเกมาก หรือมีการสบฟันผิดปกติ อาจต้องใช้เวลานานขึ้น

2. การถอนฟันก่อนจัดฟัน

หากต้องถอนฟันเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการเรียงตัวของฟัน การปิดช่องว่างของฟันที่ถอนออกอาจใช้เวลาเพิ่มเติม

3. ประเภทของเครื่องมือจัดฟัน

การจัดฟันโลหะทั่วไปอาจใช้เวลานานกว่าการจัดฟันแบบดามอน (Damon Braces) ซึ่งสามารถลดแรงเสียดทานและเคลื่อนฟันได้เร็วกว่า

4. วินัยของผู้จัดฟัน

✅ พบทันตแพทย์ตามนัดทุก 4-6 สัปดาห์

✅ ดูแลความสะอาดช่องปากอย่างดี เพื่อป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ

✅ หลีกเลี่ยงอาหารแข็งและเหนียว ที่อาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย

✅ ใส่ยางดึงฟัน (Elastics) ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น

5. อายุของผู้เข้ารับการจัดฟัน

เด็กและวัยรุ่น มักใช้เวลาสั้นกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่า
ผู้ใหญ่ อาจต้องใช้เวลานานขึ้น เนื่องจากกระดูกแข็งตัวมากกว่า

📌 ขั้นตอนและระยะเวลาโดยประมาณ

🔹 ช่วงที่ 1: ติดเครื่องมือจัดฟัน (0 - 2 เดือน)

ทันตแพทย์ตรวจสุขภาพช่องปาก และเริ่มติดแบร็กเก็ตและลวดจัดฟัน

🔹 ช่วงที่ 2: การปรับเครื่องมือและเคลื่อนฟัน (6 - 24 เดือน)

พบทันตแพทย์ทุก 4-6 สัปดาห์เพื่อปรับลวดและเปลี่ยนยางจัดฟัน
ฟันเริ่มเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม

🔹 ช่วงที่ 3: การจัดเรียงฟันให้สมบูรณ์ (6 - 12 เดือน)

ปรับการสบฟันให้ถูกต้อง และแก้ไขรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

🔹 ช่วงที่ 4: ถอดเครื่องมือและใส่รีเทนเนอร์ (ตลอดชีวิต)

หลังจากฟันเข้าที่แล้ว ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือออก และให้ใส่ รีเทนเนอร์ (Retainer) เพื่อป้องกันฟันล้ม

ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันโลหะ: สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

การจัดฟันโลหะ (Metal Braces) เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการจัดฟันประเภทอื่นๆ อย่างการจัดฟันแบบใส (Invisalign) หรือแบบดามอน (Damon Braces) อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คลินิกที่เลือก ความซับซ้อนของฟัน และแผนการรักษาของทันตแพทย์